รูปแบบ PPA (Power Purchase Agreement) ที่สามารถนำระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้งานได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นต้นและค่าบำรุงรักษา กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในประเทศไทย อีกทั้ง เนื่องจากแนวโน้มในการดำเนินนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ PPA ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ในบทความนี้ขออธิบายเกี่ยวกับ PPA เช่น การติดตั้ง และระบบลักษณะนี้เหมาะกับบริษัทประเภทใด
PPA (Power Purchasing Agreement) เป็นรูปแบบสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า โดยบริษัทที่ดำเนินการรูปแบบ PPA จะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ต่างๆ เช่น หลังคา หรือบนอาคาร และลูกค้าจะซื้อไฟฟ้าจากบริษัทที่ดำเนินการระบบ PPA เหล่านั้น
คุณสมบัติเด่นของรูปแบบ PPA
■ไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นต้น
เราเป็นผู้ลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานของลูกค้า ในรูปแบบ PPA ส่งผลให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนขั้นต้น
■ไม่มี Running Cost
ในระหว่างสัญญา บริษัทผู้ดำเนินการ PPA จะบำรุงรักษา และจัดการอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าให้กับลูกค้า และเนื่องจากรวมค่าประกันภัยพิบัติแล้ว จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ระหว่างสัญญา
■จ่ายตามไฟฟ้าที่ใช้งานจริง
ค่าไฟฟ้าในส่วนที่ใช้งานจะจ่ายให้กับบริษัทผู้ดำเนินการ PPA ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า ผู้ใช้งานสามารถใช้ไฟฟ้าได้ในราคาต่อหน่วยคงที่สำหรับระยะเวลาของสัญญา หรือในอัตราที่มีส่วนลดราคา นอกจากนี้ยังสามารถลดค่าไฟฟ้าและความเสี่ยงจากค่าไฟที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
รูปแบบสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ามีข้อดีหลายประการที่เหมือนกับการเช่าระบบไฟฟ้า เช่น ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนขั้นต้น สำหรับจุดที่แตกต่างกับการเช่าคือ ระบบการเรียกเก็บเงิน ที่ผู้ใช้งานจะจ่ายเฉพาะค่าไฟตามปริมาณที่ใช้จริง
การเช่าระบบพลังงานแสงอาทิตย์ | ค่าเช่ารายเดือนจะคงที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงการใช้ไฟฟ้า
PPA | จ่ายตามปริมาณไฟฟ้าที่ใช้งานจริง
■ควรเลือกรูปแบบใดดี ?
แต่ละบริการมีลักษณะเฉพาะของตัวเองและจุดที่ลูกค้าให้ความสำคัญก็แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงจัดทำข้อเสนอตามความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย
หากคุณสามารถให้ข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันกับเรา (จำนวน 12 เดือนล่าสุด) เราสามารถสร้างแบบจำลองการติดตั้งให้คุณได้ หากสนใจสามารถติดต่อมาที่บริษัทของราได้ทันที
Office
+66(0)2-258-6951
Santot
Mobile: +66(0)83-702-8471
Email: sales@itcenex.co.th