CNK Manufacturing (Thailand) หรือบริษัท CNKMT เติบโตในฐานะบริษัทในกลุ่มเครือ JTEKT โดยพัฒนาธุรกิจด้านการปรับพื้นผิวชิ้นงานและการอบชุบด้วยความร้อนในประเทศไทยโดยก่อตั้งตั้งแต่ปี 2546
ซึ่งบริษัทจะก้าวเข้าสู่ 10 ปีข้างหน้าด้วยการมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยยึดมั่นใน "ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและราคาที่ย่อมเยา" ด้วยเหตุนี้ เราจึงทำการปฏิรูปอย่างมีเป้าหมาย เพื่อสร้างรากฐานการจัดการที่มั่นคงตามแนวทาง CNK ทั้ง 5 ประการ ดังนี้
1. ต้องการเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมที่เข้าใจถึงความต้องการจากมุมมองของลูกค้า
2. ต้องการเป็นบริษัทที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อโลก
3. ต้องการเป็นบริษัทที่ท้าทายด้านการลดต้นทุนด้วยทักษะความสามารถของพนักงานทุกคน
4. ต้องการเป็นบริษัทที่สามารถพัฒนาด้วยเทคโนโลยีใหม่และตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของคนรุ่นถัดไป
5. ต้องการที่จะมุ่งมั่นในการอยู่ร่วมกันพร้อมกับสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกับสังคมและมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น
นอกจากนี้ เราจะสร้างบริษัทระดับโลกที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าภายใต้เทคโนโลยีและความรู้เฉพาะทางที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
บริษัท CNK ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยและพัฒนาการอบชุบด้วยความร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความทนทานต่อการสึกกร่อนของพื้นผิวโลหะให้มากขึ้น ซึ่งความตั้งใจของผมคือการขยายธุรกิจด้านการอบชุบด้วยความร้อนที่เป็นธุรกิจเดิมของเรา
โดยนอกจากการอบชุมด้วยความร้อนแล้ว ผมยังต้องการเน้นธุรกิจด้าน "การปรับพื้นผิวชิ้นงาน" อีกด้วย ซึ่งการปรับพื้นผิวนั้นจะต้องใช้แต่ละกระบวนการที่แตกต่างกันเหมือนกับสูตรในการทำอาหารแต่ละเมนู
อีกทั้งการเคลือบผิว DLC ซึ่งคุณสมบัติที่ลูกค้าต้องการของแต่ละบริษัทจะมีความแตกต่างกัน จากเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา สามารถตอบสนองความต้องการแบบละเอียดได้ เช่น คุณสมบัติของชั้นฟิล์มชั้นกลาง การยึดเกาะของพื้นผิวและคุณสมบัติด้านการเสียดทาน สำหรับในประเทศไทย เนื่องจากมีโรงงานเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถทำการปรับพื้นผิวชิ้นงานขั้นสูงได้ จึงได้รับการตอบรับอยู่บ่อย ๆ จากลูกค้าว่า “กำลังมองหาบริษัทที่สามารถเคลือบผิวแบบ DLC ได้”
ที่ญี่ปุ่นการใช้พลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มในตลาดเพิ่มสูงขึ้น เช่น การผลิตรถยนต์ EV และการแข่งขันด้านการอบชุบด้วยความร้อน ซึ่งในประเทศไทยก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต่างกันอยู่ในสภาพที่แข่งขันเช่นกัน แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ในประเทศไทยทำได้นั้น ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังทำได้อีกมาก
ผมเคยทำงานที่ประเทศไทยมาประมาณ 3 ปีครึ่งตั้งแต่ปี 2560 รู้สึกว่าประเทศไทยนิยมการตกแต่งที่แวววาว มีการนำการปรับพื้นผิวชิ้นงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ชิ้นส่วนก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการตกแต่งภายนอกรถยนต์ ซึ่งผมเชื่อว่าเราจะสามารถขยายยอดขายให้แตกต่างกับทางญี่ปุ่นได้
ผมรู้สึกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจเจริญเติบโต คนรุ่นหลังของไทยมีความกระตือรือร้น คิดบวก มุ่งมั่นในการทำงานเหมือนกันกับคนญี่ปุ่น ผมคิดว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่บุคลากรรุ่นใหม่ต้องการพัฒนาทักษะและเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ
บริษัท CNKMT จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า และเราหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าทุกท่านในอนาคตครับ