บริษัท Kintetsu World Express (Thailand) (จากนี้ไปจะขอเรียกว่าบริษัท KWE THAILAND) ได้มีการประกาศแต่งตั้งประธานบริษัทใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคม เนื่องจากคุณยาสุยุกิ ทานิ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัทมาเป็นเวลา 4 ปีมีกำหนดเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นจึงได้แต่งตั้งคุณชิน ยามาชิตะ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ครั้งนี้เราจึงขอนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับประเทศไทยของทั้งประธานบริษัทคนใหม่และเก่าให้ได้รับฟังกัน
ประวัติส่วนตัวของคุณยาสุยุกิ ทานิ (ซ้าย)
ผมมาประจำการที่ประเทศไทยเมื่อปี 2012 และเข้าดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อปี 2015 จากการเปิดตัวบริการรูปแบบใหม่ อาทิ บริการขนส่งปริมาณมากแบบรวมตู้ ฯลฯ ทำให้ธุรกิจของบริษัทเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กลับประเทศญี่ปุ่นแล้วได้รับมอบหมายให้ดูแลการขนส่งไปยังประเทศญี่ปุ่นในฐานะของรองผู้จัดการฝ่ายขายครับ
ประวัติส่วนตัวของคุณชิน ยามาชิตะ (ขวา)
ผมเข้าทำงานที่บริษัท Kinetsu Express เมื่อปี 1994 โดยได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อสั่งสมประสบการณ์เกี่ยวกับพิธีการศุลกากรนำเข้าเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นได้เข้ารับมารับผิดชอบด้านการนำเข้าของฝ่ายขายที่คันดะครับ ผมมาประจำการที่ประเทศไทยอีกครั้งตั้งแต่ปี 2005-2012 โดยหลังจากที่กลับประเทศแล้วก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่รับผิดชอบด้านการนำเข้าท่าเรือ จากนั้นจึงได้เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3 เพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทครับ
คุณทานิ ประธานบริษัทคนเก่ากล่าวว่า "หากลองมองย้อนกลับไปในช่วง 7 ปีที่มาประจำการในประเทศไทยแล้ว พบว่ามีเรื่องท้าทายเกิดขึ้นมากมาย โดยหนึ่งในนั้น คือ เราสามารถเพิ่มยอดขายของฝ่ายขนส่งสินค้าทางอากาศให้มากขึ้นประมาณ 2 เท่าและฝ่ายขนส่งสินค้าทางทะเลให้มากขึ้นประมาณ 4 เท่าได้ครับ ผมขอขอบพระคุณลูกค้า ผู้ถือหุ้น บริษัทในเครือ พนักงานของบริษัท KWE THAILAND และชาวไทยทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องครับ"
ทั้งนี้ดูเหมือนว่าท่านจะยังมีสิ่งคาใจเกี่ยวกับการฝึกอบรมพนักงานชาวไทยอยู่
ดังนั้น คุณทานิ ประธานบริษัทคนเก่าจึงได้ฝากความคาดหวังไว้กับคุณยามาชิตะ ประธานบริษัทคนใหม่ว่า "บริษัทเรามีเป้าหมายเพื่อเป็นบริษัทที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมจนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางมาโดยตลอด จากนี้ไปอยากให้มุ่งเป้าว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจและภาคภูมิใจกับการทำงานเพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นภายในบริษัท KWE THAILAND ได้นั่นเอง"
นอกจากนี้ท่านยังวางแนวทางของการพัฒนาบุคลากรชาวไทยไว้ว่า "ผมรู้สึกประทับใจกับความพยายามในแต่ละวันเพื่อการส่งมอบบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามาตลอดระยะเวลา 7 ปี จากนี้ไปอยากให้มีการพัฒนาความสามารถให้มากขึ้นเพื่อแสดงคักยภาพของเราให้โลกได้เห็นครับ"
คุณยามาชิตะ ประธานบริษัทคนใหม่ได้ตอบรับคำกล่าวของคุณทานิ ประธานบริษัทคนเก่าว่า "เราจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ผู้ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาบริษัทต่อไปในอนาคต" ทั้งยังได้แสดงเจตนารมย์ในการฝึกอบรมบุคลากรชาวไทยเพื่อสานต่อความตั้งใจของคุณทานิ ประธานบริษัทคนเก่าด้วย
คุณยามาชิตะ ประธานบริษัทยังได้กล่าวต่ออีกว่า "เรามีการคาดการณ์ว่าตลาดประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อกำหนดทิศทางของธุรกิจในอนาคต" นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าต้องการพัฒนากลยุทธ์ในแง่ของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป เช่น การพัฒนาของเศรษฐกิจโลก, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม อาทิ เขตเศรษฐกิจและรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทย ฯลฯ การย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยที่กำลังได้รับการจับตามอง ฯลฯ
คุณทานิ ประธานบริษัทคนเก่ากล่าวว่า "เราได้รับความไว้วางใจจากทางบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมาโดยตลอด" โดยกว่า 70% ของลูกค้าบริษัท KWE THAILAND เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น แม้ส่วนที่เหลืออีก 30% จะมีลูกค้าที่เป็นทั้งบริษัทสัญชาติไทยบ้างบริษัทสัญชาติยุโรปและอเมริกาบ้าง แต่หลังจากนี้ไป "เราจะพัฒนาธุรกิจในด้านนี้ให้มากขึ้น"
คุณยามาชิตะ ประธานบริษัทกล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการขายในอนาคตว่า "นอกจากการขยายตลาดในบริษัทสัญชาติยุโรปและอเมริการวมถึงการนำเสนอบริการให้กับบริษัทสัญชาติจีนแล้ว เราต้องการขยายความสัมพันธ์กับบริษัทชั้นนำในประเทศไทยให้มากขึ้นครับ"
ขอจบบทสัมภาษณ์ที่ล้ำค่าเกี่ยวกับแนวคิดที่มีต่อประเทศไทยของทั้งประธานบริษัทคนใหม่และคนเก่าไว้เพียงเท่านี้ โดยที่ทั้งสองท่านมีความคาดหวังตรงกันว่าจะพัฒนาบริการของบริษัท Kinetsu World Express ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต
หากท่านต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับบริการขนส่งสินค้าทางอากาศและทางทะเลจากประเทศไทยแล้ว กรุณาสอบถามข้อมูลได้จากแบบฟอร์มด้านล่างนี้