KWE-Kintetsu World Express (Thailand) Co., Ltd. เป็นบริษัทสาขาในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท "Kintetsu Express" โดยได้พัฒนาธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 50 ประเทศและสำหรับบริษัทสาขาในประเทศไทยเป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจรระดับสากลที่มีการเชื่อมโยงการขนส่งทั้งในญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกาและตลาดการค้าในเอเชียซึ่งมีจุดเริ่มต้น คือ ประเทศไทย ซึ่งในฐานะผู้จัดการทั่วไปผมมีหน้าที่รับผิดชอบด้านธุรกิจการขนส่งและได้ย้ายจากอินโดนีเซียมาประจำการที่ประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาโดยมุ่งมั่นที่จะให้บริการใหม่ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ภายใต้ทีมงานจำนวน 450 คน
ตระหนักถึงศักยภาพของตลาดการค้าในไทยและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
ประเทศไทยเต็มไปด้วยอุตสาหกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ไปจนถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งผ่านไปครึ่งปีแล้วที่มาประจำการที่ประเทศไทยผมรู้สึกประหลาดใจและตระหนักถึงศักยภาพของตลาดการค้าในไทยที่อยู่ในระดับสูง โดยที่ผ่านมาเราได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ จากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์สำหรับการค้าปลีกและธุรกิจคลังสินค้าทำให้งานนี้ถือเป็นความสำเร็จของการทำงานในฐานะบริษัทสาขาประเทศไทย
▲บริษัท Kintetsu Logistics (Thailand) Co., Ltd.ได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs ซึ่งเป็นมาตรฐานรับรองสำหรับการจัดการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร โดยเราตั้งเป้าหมายที่จะขยายการจัดการในด้านนี้ต่อไปด้วยการปรับใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้ที่สั่งสมมา
ในเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสาขาที่เคยทำงานมาก่อนที่จะมาประจำการที่ประเทศไทย ผมได้รับผิดชอบธุรกิจด้านการขนส่งเป็นเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกประหลาดใจกับความแตกต่างวิธีการเจาะตลาดและความสำเร็จของบริษัท เช่น ในบริษัทโลจิสติกส์ที่อินโดนีเซียมีพนักงานประมาณ 50 คน ในขณะที่ในประเทศไทยมีพนักงานประมาณ 450 คน และในอินโดนีเซียมีพื้นที่คลังสินค้าที่ดูแลอยู่ประมาณ 20,000 ตร.ม. ในขณะที่ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 110,000 ตร.ม. ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากหรือกล่าวได้ว่าสิ่งนี้เป็นประวัติศาสตร์และความพยายามของคนในรุ่นก่อนแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของตลาดการค้าในประเทศไทยด้วย หรืออาจเป็นข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยยังคงอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งด้านการขนส่งสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดการค้าที่ลึกและกว้างเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ซึ่งก็ถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ผมต้องดูแลครับ
การย้ายไปประจำการที่ประเทศจีนถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจโลจิสติกส์
จุดเริ่มต้นของผมเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมย้ายไปประจำการที่เซี่ยงไฮ้ ตลาดการค้าของประเทศจีน ในขณะนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่การแปรรูปสมกับที่เรียกกันว่าเป็น "โรงงานของโลก" โดยเป็นการค้าในรูปแบบนำเข้าชิ้นส่วนและวัสดุต่างๆ เพื่อนำมาแปรรูปและประกอบหลังจากนั้นจึงส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยผมได้รับหน้าที่ให้ดูแลเรื่องการขนส่งที่ได้รับการคุ้มครองทางภาษีซึ่งมีการเคลื่อนย้ายสินค้าได้ภายใต้การควบคุมของศุลกากร
สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุจะถูกนำเข้าจากต่างประเทศและนำมาประกอบหรือแปรรูปในประเทศจีนก่อนจะถูกส่งออกไปนอกประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทางประเทศจีนมีนโยบายในการคุ้มครองทางภาษี กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ การ "ระงับ" ขั้นตอนทางภาษีชั่วคราวเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกิจไปในตัว ถือว่าเป็นกลไกที่เหมาะสมกับจีนในยุคที่เศรษฐกิจเติบโตสูงเช่นนี้ โดยผมประจำการอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลา 6 ปีและทำให้ได้เรียนรู้พื้นฐานของโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งที่ได้รับการคุ้มครองทางภาษี
หลังจากประจำการที่ประเทศจีนแล้วแผนกที่รอคอยการกลับไปของผม คือ แผนกโลจิสติกส์ในประเทศญี่ปุ่น โดยผมได้รับผิดชอบด้านการขายและการจัดการดำเนินงานด้านขนส่งสำหรับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในห้องปฏิบัติการ เช่น น้ำยา และหลอดทดลองสำหรับจัดส่งไปยังมหาวิทยาลัยและห้องปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งผมได้สัมผัสประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์อย่างลึกซึ้ง เช่น การจัดการผลิตภัณฑ์แช่แข็งและแช่เย็น การจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสม และการปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
โดยทั่วไปแล้วในธุรกิจด้านโลจิสติกส์ แม้ว่าจะมีการวางแผนได้ด้วยตนเอง แต่การดำเนินการด้านขนส่งก็มีความสำคัญเช่นกันและจำเป็นที่จะต้องมอบหมายให้กับบริษัทเฉพาะทาง เช่น สายการบินหรือบริษัทขนส่ง อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมคลังสินค้าสามารถจ้างและจัดการพนักงานของตนเองได้และเราสามารถดำเนินการแก้ไขตลอดจนปรับปรุงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเสน่ห์ของการเป็นพนักงานด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยที่มีตลาดการค้าศักยภาพสูงพร้อมกับเสนอบริการใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงโดยใช้องค์ความรู้ที่สั่งสมมาครับ