เมื่อเดือนมกราคม 2566 บริษัท MARUKA MACHINERY (THAILAND) ได้ฉลองครบรอบ 35 ปีและได้เริ่มเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพมหานครตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565 โดยในครั้งนี้ทาางบริษัทได้จัดงานเลี้ยงครบรอบ 35 ปีที่สำนักงานใหม่ในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นใหม่ โดยบทความนี้เราได้รับเกียรติจากคุณ Takeshita ประธานบริษัท MARUKA Co., Ltd. สำนักงานใหญ่ที่จะกล่าวถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต ตลอดจนภาพรวมทั้งหมดเมื่อ 35 ปีที่ผ่านมา
บริษัทสาขาประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2531 โดยเป็นฐานในต่างประเทศแห่งที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย โดยได้เปิดสำนักงานในกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2502 และนับเป็นบริษัทการค้าสัญชาติญี่ปุ่นกลุ่มแรกๆ ที่ขยายธุรกิจมายังประเทศไทย
คุณ Takeshita:ตัวผมเองมีประสบการณ์ทำงานในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นการฉลองครบรอบ 35 ปีครั้งนี้จึงเป็นงานที่เต็มไปด้วยความสุขและซาบซึ้งเป็นอย่างมากครับ อีกทั้งยังถือเป็นก้าวสำคัญของ MARUKA Group อีกด้วย
คุณ Takeshita:ในประเทศญี่ปุ่น MARUKA Co., Ltd. และ Furusato Industries Co., Ltd. ได้ร่วมก่อตั้ง Furusato Maruka Holdings Co., Ltd. ซึ่งในเดือนตุลาคม 2564 ผ่านการโอนหุ้นส่วนร่วมกัน โดยจุดแข็งของ MARUKA และ Furusato Group คือ การเน้นไปที่เครื่องจักรอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมซึ่งกันและกัน ตลอดจนส่งมอบโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้าทั้งในญี่ปุ่นและอุตสาหกรรมการผลิตในอเมริกาเหนือ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย และเพื่อรวมผลิตภัณฑ์และบริการของทั้งกลุ่มให้เป็นหนึ่งเดียวเราจึงได้สร้างแบรนด์ที่รวมเอาความไม่เหมือนใคร + โซลูชัน = "UNISOL" ซึ่งเราตั้งใจที่จะใช้แบรนด์ UNISOL ในกิจกรรมการขายของเราในระดับโลก
ปัจจุบัน บริษัททั้ง 10 แห่ง รวมทั้ง Maruka ได้เป็นสมาชิกของ UNISOL Group และมีผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลาย เช่น เครื่องมือ เครื่องจักรอุตสาหกรรม อุปกรณ์สำหรับเครื่องจักร เครื่องจักรเฉพาะทางและเครื่องจักรก่อสร้าง เป็นต้น
Maruka Co., Ltd. | Furusato Industry Co., Ltd. |
G-net Co., Ltd. | Japan Rental Co., Ltd. |
Gifu Trading Co., Ltd. | Security Design Co., Ltd. |
Kan Seisakusho Co., Ltd. | Kitakyu Hardware Tool Co., Ltd. |
Miyazawa Co., Ltd. | Sonoruka Engineering Co., Ltd. |
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีอุตสาหกรรมท้องถิ่นที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งถือเป็นฐานที่มีบทบาทสำคัญในกลุ่มบริษัทของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ MARUKA โดยเราได้สอบถามคุณ Takeshita ที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลาหลายปีเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต
คุณ Takeshita:ในช่วงปี 1990 ผมประจำการที่ประเทศไทยซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยกำลังเฟื่องฟูในฐานะที่เป็นฐานการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในบ้าน ต่อมาในช่วงปี 2000 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้พัฒนาเป็นฐานการส่งออกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "Detroit of Southeast Asia" และปัจจุบันเราเชื่อว่ากุญเแจการพัฒนาในอนาคตของ MARUKA Group คือ ความยืดหยุ่นที่เราสามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการ EV ที่เพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ โดยในประเทศญี่ปุ่น เราได้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริม EV ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะที่รับฟังความต้องการและปัญหาในด้าน EV จัดทำข้อเสนอ และติดตามการเปลี่ยนไปใช้ EV ในทุกอุตสาหกรรม
คุณ Takeshita:เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั่วโลก ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ระบบอัตโนมัติและสายการผลิตแบบไร้คนขับกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่ให้ความสำคัญกับทั้งความปลอดภัยและสุขอนามัยจึงจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ความชำนาญในการออกแบบและผสมผสานเข้ากับสายการผลิตอัตโนมัติซึ่งในประเทศญี่ปุ่น เราได้จัดเตรียมความรู้ด้านระบบอัตโนมัติและโซลูชันการประหยัดพลังงานที่สั่งสมมาจากอุตสาหกรรมรถยนต์เพื่อนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและนำเสนอให้กับบริษัทที่ผลิตอาหารสำหรับร้านสะดวกซื้อ สำหรับสาขาในประเทศไทยเราประสบความสำเร็จมากขึ้นในด้านการแปรรูปอาหารแต่เราก็ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอระบบอัตโนมัติให้กับอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของเราในประเทศญี่ปุ่นและโซลูชันของ UNISOL Group
จุดแข็งของ MARUKA Group คือ การนำเสนอโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาของลูกค้าภายใต้สโลแกนของ UNISOLซึ่งก็คือ "Beyond-the-challenge" ซึ่งเราพร้อมให้ความสำคัญกับกิจกรรมการขายจากมุมมองของลูกค้าโดยใช้โซลูชันของเราในประเทศไทย