หากกล่าวถึงอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยตอนนี้ หัวข้อที่น่าสนใจที่สุดคงจะเป็นเรื่องเขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้นโยบาย "ประเทศไทย 4.0" ว่าด้วย การพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานของเขตเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับพื้นที่เป็น เขตเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชีย ในโอกาสนี้เราขอนำเสนอบทสัมภาษณ์พิเศษ จาก 2 บริษัทผู้เข้าร่วมงาน METALEX 2018 เกี่ยวกับทิศทางการดำเนินธุรกิจและทัศนคติต่อนโยบาย ‘ประเทศไทย 4.0’ ดังนี้

กลุ่มบริษัท AMADA ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่ การพัฒนา, ผลิต, จำหน่ายและซ่อมบำรุงเครื่องจักรแปรรูปโลหะ รวมถึงซอฟต์แวร์ โดยเน้นไปที่การแปรรูปงานโลหะแผ่นเป็นหลัก โดยเราได้รับโอกาสจากคุณยามาโมโตะ ผู้ดำรงตำแหน่ง MD บริษัท อะมะดะ (ประเทศไทย) จำกัด มาให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ คุณยามาโมโตะ เริ่มทำงานในฝ่ายจำหน่ายเครื่องปั๊มประจำแผนกต่างประเทศนับตั้งแต่เข้ามาทำงานในบริษัท ต่อมาจึงได้รับมอบ หมายให้เป็นผู้รับผิดชอบในเขตภูมิภาคอาเซียนเพื่อมาดูแลธุรกิจ ด้านเครื่องจักรแปรรูปโลหะแผ่นและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น จึงได้ไปประจำการที่สหรัฐอเมริกา และปัจจุบันกลับมารับตำแหน่ง เป็นผู้บริหารสูงสุดประจำสำนักงานใหญ่ส่วนภูมิภาคอาเซียน (RHQ) รวมถึงประเทศไทยด้วย เมื่อได้สอบถามเกี่ยวกับนโยบาย "ประเทศไทย 4.0" คุณยามาโมโตะ ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่า "ประเทศไทย 4.0 ถือเป็นนโยบาย การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตที่มีความชัดเจนของรัฐบาลไทย

คุณลักษณะของนโยบายดังกล่าวคือการเปลี่ยนแปลงวิธีการและ กระบวนการจัดการผลิตให้เป็นแบบอัตโนมัติโดยใช้ IoT ทั้งหมด ซึ่งบริษัทเราเองก็มีแนวคิดและกำลังดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมไปข้าง หน้าร่วมกับลูกค้าตามนโยบายของรัฐบาลไทย" เมื่อได้ลองสอบถามเกี่ยวกับความประทับใจและผลตอบรับที่ได้ จากการเข้าร่วมงาน METALEX แล้ว คุณยามาโมโตะกล่าวว่า “นอกจากจะมีหลายบริษัทที่เป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์มาเข้าร่วมชมงานนี้แล้ว ยังมีผู้เข้าร่วมชม งานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ดังนั้นงานนี้จึงเปรียบเสมือน เวทีที่ใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลไปสู่ภูมิภาคอาเซียนได้อย่างทั่วถึง” “สำหรับจุดเด่นของบูธ AMADA ในปีนี้ เราจะมีการแนะนำเทคโน โลยีไฟเบอร์เลเซอร์ที่มีระบบควบคุมลำแสงที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ บริษัทอะมะดะ รวมทั้งเทคโนโลยีควบคุมการผลิตแบบดิจิตอลครบ วงจรที่มีการรวมเอาเทคโนโลยีด้าน IoT, Robot และระบบอัตโนมัติ

เข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเครื่องจักรอื่นๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วว่ามีความสามารถในการตอบ สนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ เช่นเพื่อการผลิต จำนวนมาก หรือเพื่อการผลิตที่มีความยืดหยุ่น มีการเปลี่ยนแปลง บ่อยๆ เช่น เปลี่ยนความหนาหรือขนาดและรูปร่างเป็นต้น” สุดท้ายนี้คุณยามาโมโตะยังได้ฝากข้อความถึงผู้เข้าชมงานไว้ว่า “บริษัทอะมะดะ พร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านการผลิตต่างๆ ในฐานะ คู่ค้าทางธุรกิจ โดยเรามีศักยภาพทางด้านความรู้, ประสบการณ์ และเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีทีมงาน วิศวกรที่พร้อมให้คำอธิบายและต้อนรับอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึง อยากเชิญชวนให้ทุกท่านแวะเข้ามาเยี่ยมชมที่บูธ AMADA เลขที่ AY01 ฮอลล์ 100 ด้วยครับ”