บริษัท "MITSUI GRINDING WHEEL CO., LTD." ถือเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการจำหน่ายหินเจียรมานานกว่า 100 ปีโดยมีบริษัท MITSUI MINING&SMELTING เป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นและได้ทำการก่อตั้งบริษัท "MITSUI GRINDING TECHNOLOGY (THAILAND) CO., LTD. " ขึ้นในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าพันธมิตรในการทำธุรกิจก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินมาได้อย่างยาวนานและมั่นคง ในส่วนนี้บริษัท MITSUI จึงได้เลือกบริษัท "MITSUYA LIMITED" ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทแต่เพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยและดำเนินธุรกิจเคียงข้างกันในฐานะผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจร่วมกันย่อมเจอปัญหาและสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ต้องร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาและหาทางออกที่ดีที่สุดให้แก่กันและกัน โดยสถานการณ์ล่าสุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างก็คือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ Covid-19 นั่นเอง ซึ่งต้องยอมรับว่าแม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่จากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ทั้ง 2 บริษัทได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวและพร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์อย่างไม่ลังเลใจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นเอง
พร้อมทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เจอและหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกคน คือ วิธีการที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัท ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณประจวบแก้วสวนจิก กรรมการผู้จัดการบริษัท MITSUI GRINDING TECHNOLOGY (THAILAND)และคุณมนัส บริสุทธิ์บงกช ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัท MITSUYA ที่จะเล่ามุมมองของบริษัทในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ที่ผ่านมาและในปัจจุบัน
คุณประจวบ แก้วสวนจิก
กรรมการผู้จัดการบริษัทMITSUI GRINDING TECHNOLOGY (THAILAND) CO., LTD.
คุณมนัส บริสุทธิ์บงกช
ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัท MITSUYALIMITED
คุณประจวบ : สำหรับสถานการณ์ covid-19ในมุมของบริษัทแน่นอนว่าผลกระทบส่วนนึงที่เราเจอก็ไม่คงไม่แตกต่างจากบริษัทอื่นเท่าไหร่นัก อาทิ ยอดการสั่งซื้อน้อยลง จนทำให้พนักงงานไม่มีงานทำ เกิดปัญหาคนเหลืองาน ทำให้ส่งผลไปที่ค่าล่วงเวลาที่ลดน้อยลงตลอดจนไม่มีเงินในส่วนนี้ ทำให้พนักงานบางส่วนขาดเงินเลี้ยงชีพที่เพียงพอและลาออกไปในที่สุดซึ่งทำให้บริษัทเราขาดคนที่มีทักษะในบางส่วนไป แต่เราเข้าใจปัญหาในส่วนนี้ดี เราเลยต้องเปลี่ยนมุมมองเป็นว่าคนที่ยังอยู่ก็ต้องอยู่ได้ มีรายได้ที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้อย่างแน่นอน
คุณมนัส : ในฐานะผู้จัดจำหน่าย การที่โรงงานลูกค้าต้องหยุดการผลิตชั่วคราวอย่างกระทันหันในสถานการณ์ Covid-19 แน่นอนย่อมส่งผลกระทบในส่วนของผู้จัดจำหน่ายเลยอย่างแรกคือ การชะลอหรือเลื่อนรับสินค้าที่พร้อมส่ง ต่อเนื่องจากเหตุดังกล่าวทำให้ยอดคำสั่งซื้อลดลงทันที 30-40 % ซึ่งทางมิตซูยะเราเข้าใจในเหตุปัจจัยสุดวิสัยที่เกิดขึ้น
คุณประจวบ: สำหรับในเรื่องการให้บริการลูกค้านั้น เนื่องจากยอดใช้ของลูกค้าลดลง ทำให้วัตุดิบที่มีเรามีนั้นสมดุลกัน แม้จะไม่สามารถสั่งวัตถุดิบมาได้ แต่เราก็ยังมีของที่สต็อกเพียงพออยู่ อีกทั้งเรามีวัตถุดิบที่นำเข้าจากจีนและยุโรป จึงถือเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตว่าเรายังสามารถซัพพอร์ตลูกค้าได้เสมอ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการออกหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
คุณวชิรศักดิ์: ช่วงที่ทางลูกค้ายกระดับการป้องกันวิกฤตการณ์ และด้วยตัวสินค้าเองที่ต้องมีฝ่ายเทคนิคคอย Support แก้ไข ปัญหาทางเทคนิคอยู่ตลอดเวลา ทางบริษัทฯจึงต้องอาศัยการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทาง Online และ Social Media บน Application ต่างๆเพิ่ม มากขึ้น เช่น Line Zoom Skype เป็นต้น และในช่วงที่มีการล็อกดาวน์พื้นที่นั้น เรายังสามารถให้การจัดส่งสินค้าในกรุงเทพปริมณฑลได้อยู่ แต่สำหรับฐานลูกค้าเราที่อยู่ในโซนภาคตะวันออก ทางผู้ผลิตบริษัทMITSUIได้ช่วยซัพพอร์ตเราในส่วนนี้ด้วย เนื่องจากทางผู้ผลิตตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ภายใต้สถานการณ์Covid-19 ทำให้เกิดแนวคิดพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปมากขึ้น !
คุณประจวบ: สำหรับ Covid– 19 ต้องบอกเลยว่า หลายๆ บริษัทอาจไม่ได้คาดคิดกันมาก่อนว่าจะก่อให้เกิดวิกฤตขนาดนี้ แต่ในส่วนนี้ก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเราได้รับผลกระทบจากDemand ของลูกค้าที่หายไปก็จริง แต่ลักษณะธุรกิจที่เรามีอยู่ซึ่งเป็นธุรกิจแบบ Know how ที่ไม่ได้เจอกับผลกระทบโดยตรงแต่สิ่งที่เราได้บทเรียนในเชิงบวกในสถานการณ์นี้คือ การตัดสินใจที่ว่องไวขึ้น จากแต่เดิมเราเคยคิดว่าจะทำดีไหม พอเจอกับสถานการณ์นี้มันเลยทำให้เรากล้าตัดสินใจ อีกทั้งเราใช้โอกาสในการจัดการแก้ไขผลิตภัณฑ์ที่เรามีและมองว่าเป็นจุดอ่อน เราก็นำมาพัฒนา จัดการคุณภาพ เพื่อยกระดับให้ชนะคู่แข่งให้ได้ หรือที่ผ่านมาอาจมองในเรื่องของการจัดการสต็อกของให้น้อยเข้าไว้ แต่จากนี้ไปอาจต้องเพิ่มแหล่งสต็อกมากขึ้น เพื่อตอบสนองลูกค้าเราให้ได้ไม่ว่าวิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปหรือเจอกับสถานการณ์ใด
คุณมนัส : ในฐานะของผู้จัดจำหน่าย ไม่อาจปฎิเสธได้กับกระแส New Normalการพัฒนาธุรกิจในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ก็คงเน้นในเรื่องของพัฒนาช่องทางการ สื่อสารกับลูกค้าเพื่อความสะดวกและมีประสิทธิภาพ เป็นหลัก เราจะยังคงใช้การขายในรูปแบบ Direct Sales อยู่ไหม Digital Tool ต่างๆ จำเป็นจะต้องเอามาปรับใช้ไหมกับสินค้าเราที่เป็น Niche Market ซึ่งต้องSupport เรื่อง Technic อยู่ตลอดเวลา Covid-19 เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดStep Change ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เท่าทันสถานการณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นแรงผลักดันเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด “
คุณประจวบ: ผมมองว่าธุรกิจเกิดง่ายก็สามารถดับง่ายได้เช่นกัน ยิ่งถ้าเจอกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ก็ค่อนข้างที่จะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ แต่สำหรับธุรกิจของเราที่ขึ้นอยู่กับ Know how เราไม่ได้ทำธุรกิจที่ใครๆก็สามารถผลิตได้ ในส่วนนี้จึงเปรียบเสมือนจุดแข็งของเรา อีกทั้งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เรามองเห็นอะไรที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ เราก็พยายามที่จะมองอุตสาหกรรมอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ก้าวข้ามจากสิ่งที่ล้าสมัย โดยมองเห็นสิ่งที่เป็นเทรนด์อัพ เพื่อขยับขยายธุรกิจ แน่นอนว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันไม่ใช่ Know howเฉพาะด้าน แต่เป็นสิ่งที่ใครๆก็อาจจะทำได้ เราเลยต้องพัฒนาและเพิ่มทักษะต่างๆ เพื่อให้สินค้าเรามีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากกว่าคู่แข่ง
คุณมนัส : ที่ผ่านมาเราให้ความมั่นใจในเรื่องของบริการ ความถี่ในการติดต่อสื่อสารมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในคุณภาพบริการของเรา ส่วนในเรื่องคุณภาพสินค้าก็ไม่มีทางต่ำกว่ามาตรฐานแน่นอน เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตมีมาตรฐานที่ตั้งไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ เราก็ยังจะให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน โดยเรามองว่าลูกค้ากว่า 80% ให้โอกาสเลือกเราเป็นพันธมิตรทางการค้ามาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี แน่นอนระหว่างทางเราเจอวิกฤตการณ์ใหญ่ๆมาแล้ว เช่น วิกฤตการณ์น้ำท่วมปี 54 ก็สามารถผ่านกันมาได้ด้วยดี ประวัติศาสตร์ History เหล่านี้ กับความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้เรามาอย่างยาวนาน
“ ถือเป็น Mission พันธกิจ ที่เรายินดีที่จะรักษาและจะยืนเคียงข้างกันไปตลอด Always be there for your Client ”
คุณประจวบ: เราทำธุรกิจKnow how มาตั้งแต่บริษัทแม่จนถึงรุ่นเราในปัจจุบัน ซึ่งก็จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมด้วยการผลิตที่มีความแข็งแกร่งขึ้นเราจึงอยากให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเราก็จะพัฒนา เพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าพึงพอใจ ลดต้นทุนของลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่าการลดต้นทุนไม่ใช่การลดราคาแต่เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้ใช้งานได้ดีขึ้น มีระยะเวลาการใช้งานที่นานขึ้น
เราไม่บกพร่องไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ เราไม่เคยคิดแม้แต่จะทำให้ลูกค้าเราผิดหวังครับ”
คุณมนัส : เราในฐานะผู้จัดจำหน่าย ก็อยากให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและบริการของเราอีกทั้งในสถานการณ์นี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ลูกค้าและผู้ประกอบการทุกท่านผ่านไปได้ด้วยดี