ปัญหาสภาวะโลกร้อนถือเป็นหนึ่งประเด็นสำคัญที่มักถูกนำมาพูดถึงอยู่บ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายหน่วยงานที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและตระหนักถึงวิธีที่จะช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อนมากขึ้น โดยทุกประเทศทั่วโลกได้จัดการประชุมเพื่อขอความร่วมมือในการลดโลกร้อนและมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ซึ่งทาง EU ได้ประกาศ Carbon certificates ว่าต้องทำให้ได้เต็มรูปแบบภายใน 5 ปีข้างหน้าและมีเป้าหมายจะทำให้เป็น Carbon Neutral ภายในปี 2050
สำหรับบริษัท MITSUI MINING & SMELTING (Mitsui-Kinzoku) ซึ่งเป็นบริษัทหลักของ Mitsui Grinding Technology (MGT) ก็ได้วางนโยบายและแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามประกาศของทาง EU เช่นกัน โดยมีเป้าหมายว่าภายในปี 2030 บริษัทในเครือทั้งหมดจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้ 38% โดยทาง MITSUI GRINDING WHEEL (MKS) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท MGT ที่ญี่ปุ่นก็ได้ร่วมมือกันในการดำเนินการวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในScope 1 และ 2 โดยจัดทำแผนการดำเนินการที่เรียกว่า Carbon Neutral Roadmap เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
▲ เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG)
มุ่งผลิตล้อเจียรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การประเมินวงจรชีวิต (LCA)
ก่อนหน้าที่จะเริ่มดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG)ตามแผน Carbon neutral roadmap ทาง MGT ได้เริ่มทำการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment : LCA) ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน โดยประเมินตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย กระบวนการจัดส่ง การนำไปใช้งาน จนไปถึงเมื่อใช้งานเสร็จแล้วจะทำลายหรือนำไปรีไซเคิลอย่างไร เป็นต้น ซึ่งเมื่อประเมินแล้วก็จะทำให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่าจะทำอย่างไรให้เราผลิตสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนน้อยที่สุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
<ผลิตภัณฑ์หินเจียร MGT และกระบวนการ LCA>
ผลิตภัณฑ์หินเจียรของ MGT แบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้ Vitrified, Resinoif, Bel, MG
ดำเนินการประเมิน LCA (การประเมินวงจรชีวิต) สำหรับผลิตภัณฑ์หินเจียรทุกประเภทของ MGT
การประเมินช่วงวงจรชีวิตของหินเจียรจะคิดเทียบต่อผลิตภัณฑ์ 1 ตัน (วัตถุดิบ การผลิต การใช้ การกำจัด)
▲ การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment : LCA)
ในปี 2022 ทาง MGT ได้ดำเนินโครงการไปแล้ว ดังนี้
เปลี่ยน Air Condition เป็นแบบ Inverter ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง20%
เปลี่ยนหลอดไฟ Fluorescents เป็นหลอด LED จำนวน 1,200 หลอด ซึ่งสามารถการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 70%
ดำเนินการเปลี่ยน Air compressor ระบบลมอัดในกระบวนการผลิตเป็นแบบ inverter เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 30%
ปัจจุบันทางบริษัทวางแผนที่จะดำเนินการติดตั้ง Solar Roof ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาเพื่อใช้เป็นพลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน ซึ่งช่วยให้สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 1,000,000 kwh/year และลดการปล่อย CO2ได้ถีง 689 TCO2/ปี
ความร่วมมือที่ดีจากทุกภาคส่วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
แผนการดำเนินการทั้งหมดจะไม่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากขาดความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กร โดยนอกเหนือจากการดำเนินงานที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทางบริษัทยังส่งเสริมให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสภาวะโลกร้อนและมีส่วนร่วมในการลดใช้พลังงาน โดยส่งเสริมให้มีการประหยัดทรัพยากร การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การแขกขยะ เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังได้รับความร่วมมือจากกลุ่มบริษัทในเครือที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้พร้อมๆ กัน อีกทั้งแผนกส่งเสริมความยั่งยืนของทาง MKS ก็ยังคอยช่วยกำหนดทิศทาง นโยบายและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน
▲ ภายในบริษัทจะมีถังขยะสำหรับแยกขยะ ซึ่งขยะที่เป็นกล่องนมจะนำไปบริจาคเพื่อนำไปประดิษฐ์อักษรเบรลล์ สำหรับขยะอื่นๆ จะถูกนำไปรีไซเคิลหรือทำลายอย่างถูกวิธี
มุ่งมั่นสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพร้อมแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้ทุกองค์กรมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนไปพร้อมกัน
สำหรับในอนาคต ทางบริษัทมีแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อาทิ Green Product , Carbon Footprint of Products เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแล้วนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด นอกจากนี้เรายังพร้อมแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินโครงการลดการปล่อยคาร์บอน ก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น ซึ่งหากองค์กรไหนสนใจ สามารถที่จะติดต่อเพื่อขอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินการกับเราได้
ปัญหาสภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง มิใช่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของทุกคน จึงอยากให้ทุกคน ทุกบริษัทมาร่วมมือกันและตระหนักถึงความสำคัญในการลดการปล่อยมลภาวะใดๆ เพื่อปรับให้โลกเข้าสู่สภาวะสมดุล ส่วนตัวคิดว่าในอนาคตกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานจะอยู่ในกิจวัตรประจำวันของทุกวันไปโดยอัตโนมัติ