ครั้งนี้ผมขอแนะนำ 3D Viewer ของบริษัทครับ โดยในบทความตอนต้นนี้จะขออธิบายเกี่ยวกับ 1.ประเภทของ 3D Viewer และ 2.ตัวอย่างการใช้งาน ① และ ② ตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ
<3D Viewer >
1. 3D Viewer ที่ใช้สำหรับการบีบอัดและงานทั่วไปและ 3D Viewer ประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในงานตรวจวัดและตรวจสอบ
2. คุณสมบัติและจุดแข็งของ 3D Viewer ตามการใช้งาน
‐①งานฉีดขึ้นรูป
‐②งาน Press
‐③งานจัดทำและแปรรูปแม่พิมพ์
‐④านตรวจสอบและประกอบ
3. ข้อเสนอของบริษัท C'set ต่อผู้บริหารและผู้ควบคุมงาน
แม้จะเรียกว่า 3D Viewer เหมือนกันแต่ในโลกนี้มีอยู่มากมายหลายประเภท โดยส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันดังนี้
ใช้ในการเรียกดูข้อมูล 3D data ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาด้วยโปรแกรม 3D CAD ในฐานะที่เป็นวัตถุประสงค์การใช้งานหลักแบบดั้งเดิมของ 3D Viewer
ด้วยเหตุนี้การพัฒนาจึงมุ่งเน้นไปที่การบีบอัดข้อมูล 3D data ที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้เราสามารถเรียกดูชิ้นส่วนที่มีจำนวนมากและรูปร่างต่างๆได้โดยง่าย รวมทั้งสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างผู้คนจำนวนมากได้
เทคโนโลยีการบีบอัดที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ผลิต แต่โดยทั่วไปแล้วมักใช้เป็นรูปหลายเหลี่ยม (หรือตาข่าย) ตามที่แสดงไว้ในรูปภาพด้านล่างนี้ หากเราเพิ่มอัตราการบีบอัดให้มากขึ้นแล้วจะทำให้การแสดงผลไม่ละเอียดมากขึ้นแต่จะทำให้ข้อมูลมีขนาดที่เล็กลง ในทางกลับกันหากเราลดอัตราการบีบอัดลงแล้วจะทำให้การแสดงผลราบรื่นมากขึ้นแต่ขนาดของข้อมูลจะใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
"3DFovi" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรานั้นได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่ง 3D Viewer ส่วนใหญ่ในโลกนี้ก็ใช้เทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน
จุดแตกต่างเมื่อเทียบกับประเภทที่ 1 ที่ใช้เรียกดูข้อมูลเป็นหลักนั้น คือ ความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจาก 3D data และการนำไปใช้งานในกระบวนการผลิต อาทิ เทคโนโลยีการผลิต, แม่พิมพ์, การแปรรูป, การตรวจสอบ ฯลฯ ในกรณีนี้การใช้เทคโนโลยีการบีบอัดในแบบที่ 1 ถือว่ามีความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากหากได้รับข้อมูลที่แตกต่างไปจาก 3D CAD แล้ว ท่านคิดว่าเราจะสามารถแปรรูปหรือตรวจสอบตาม Dimension ที่ได้รับการตรวจวัดด้วย 3D Viewer ได้หรือไม่หรือจะออกแบบและจัดทำแม่พิมพ์ได้ตามข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดข้อมูลที่ไม่ต้องการขึ้นมาได้อีกด้วย (ไม่เพียงแค่อัตราการบีบอัดจะเป็นสัดส่วนที่ผกผันกับความถูกต้องเท่านั้น แต่อาจทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่ตรงกับ CAD ทำให้ไม่สามารถใช้จัดทำ Drawing ได้)
ด้วยเหตุนี้บริษัท C'Set จึงได้พัฒนา "3DTascalX" Series ที่มีการใช้ Kernel (แหล่งพัฒนา) ที่เรียกว่า Parasolid* เดียวกันกับ 3D CAD จึงทำให้เกิดเป็นแนวคิดในการพัฒนาให้มีความสามารถมากกว่า Viewer ทั่วไปแต่ยังไม่ถึงในระดับ CAD นั่นเอง
ปัจจุบัน Viewer ในสาขานี้ยังไม่ค่อยพบเห็นในตลาด โดยมักจะถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีการจำกัดฟังก์ชั่นการทำงานบางส่วนของ 3D CAD หากท่านต้องการ 3D Viewer ที่มีความถูกต้องในระดับนี้แล้วท่านสามารถเลือกใช้ของบริษัท C'Set ได้
Viewer ในแบบที่ 2 แม้ไม่จำเป็นต้องใช้ CAD แต่ก็สามารถทำในสิ่งที่แบบที่ 1 ไม่สามารถทำได้นั้นคือ "3DTascalX" Series นี้นั่นเอง
นอกจากนี้บริษัท C'Set ยังสามารถนำเสนอสภาพแวดล้อมต่างๆที่เหมาะกับการใช้งาน 3D data ในอุตสาหกรรมการผลิตได้อีกด้วย เรามี 3D Viewer ที่จำหน่ายและให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากทางผู้ผลิต 3D CAD เป็นจำนวนมาก โดยในตอนที่มีการติดตั้ง 3D CAD นั้น ท่านอาจได้รับการติดตั้ง 3D Viewer ให้เองโดยอัตโนมัติก็เป็นได้
หากพูดถึงผู้ผลิตแอปพลิเคชันแล้วบางกรณีผู้ผลิตอาจมีการรวมแอปพลิเคชันที่ใช้งานไว้เป็นชุดเดียวกัน ทั้งนี้เราคิดว่าในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีคู่ค้าทางธุรกิจหลายรายหรือในไลน์การผลิตที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูล 3D data ที่แตกต่างกันไปในแต่ละกระบวนการนั้น เราจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานไว้ก่อนจะเป็นการดีกว่า
ท่านเคยประสบกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ?
・คู่ค้าทางธุรกิจร้องขอ 3D data
・ต้องส่ง 3D data ให้กับฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทหรือผู้ผลิตแม่พิมพ์
・ต้องใช้ 3D CAD ในการเรียกดูข้อมูล 3D data
ซึ่งนำไปสู่ปัญหาเหล่านี้
・สูญเสียโอกาส (เสนอราคาล่าช้าหรือขาดความถูกต้อง)
・ไม่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า (ฝ่ายขายไม่เข้าใจความต้องการหรือข้อซักถามจากลูกค้า)
・ต้องรบกวนฝ่ายออกแบบหรือฝ่ายวิศวกรรม
・ค่าใช้จ่ายด้าน Running cost ของซอฟต์แวร์สูง
หากใช้ 3D Viewer แล้ว
・ไม่ว่าใครก็สามารถคำนวณรูปร่างภายนอกและน้ำหนักสูงสุดจากข้อมูล 3D เกือบทั้งหมดในระบบได้อย่างง่ายดาย (กรณีของ "3DFovi")
→ความรวดเร็วและความถูกต้องในการเสนอราคาจะเพิ่มขึ้น
・รับทราบแรงปิดแม่พิมพ์, มุมในการสวม, ความหนาและ Under cut ได้ในทันที
→สามารถตรวจสอบรูปร่างเพื่อนำเสนอลูกค้าหรือกำหนดเงื่อนไขร่วมกับแผนกแม่พิมพ์ได้
・สามารถจัดทำ Drawing 2D ได้เช่นกัน
(3DTascaX/Light)
→สามารถจัดทำ Drawing เพื่อส่งต่อให้กับหน้างานหรือผู้ผลิตได้ด้วยตนเองทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการออกแบบและเพิ่มความรวดเร็วในการเสนอราคาให้มากขึ้น
・สามารถแบ่งปันข้อมูลได้ทุกกระบวนการเพื่อทำการเปรียบเทียบรูปร่าง
(3DTascaX/Light)
→สามารถสร้างระบบที่ยืดหยุ่นและรับทราบการเปลี่ยนแปลงร่วมกันได้
FUJI BAKELITE
https://www.3dtascal.com/case/user_example_fujibake.html
KYOSHIN PLASTIC
https://www.3dtascal.com/case/user_example_kyoshinplastic.html
MISAKA
https://www.3dtascal.com/case/user_example_misaka-lite.html
YAZAKI PARTS
https://www.3dtascal.com/case/user_example_yazaki.html
หากใช้ 3D Viewer แล้ว
・ไม่ว่าใครก็สามารถตรวจสอบจุดเชื่อมหรือพื้นผิวหน้าตัดจากข้อมูล CATIA หรือ NX ได้โดยง่าย
(3DTascalX)
→ความรวดเร็วและความถูกต้องในการเสนอราคาจะเพิ่มขึ้น
・รับทราบความยาวของเส้น, เส้นผ่าศูนย์กลางและมุมของพื้นผิวหน้าตัดได้ในทันที
(3DTascaX/Light)
→สามารถตรวจสอบรูปร่างเพื่อนำเสนอลูกค้าหรือกำหนดเงื่อนไขร่วมกับแผนกแม่พิมพ์ได้
・สามารถจัดทำ Drawing 2D หรือกำหนดหมายเลขได้โดยง่ายเช่นกัน
(3DTascaX/Light)
→สามารถจัดทำ Drawing เพื่อส่งต่อให้กับหน้างานหรือผู้ผลิตได้ด้วยตนเองทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการออกแบบ
・สามารถตรวจสอบมุมและโครงสร้างจากภาพได้
(3DTascaX/Light)
→สามารถใช้ 3D Viewer ในการพิจารณา Running cost ได้แม้ไม่ใช่แผนกออกแบบ
■ตัวอย่างของความสำเร็จ
TAIHO SEIKI
https://www.3dtascal.com/case/user_example_taihoseiki.html
KYOEI MANUFACTURING
https://www.3dtascal.com/case/user_example_kyoei-seisaku.html
KAIZU AUTO WORKS
https://www.3dtascal.com/case/user_example_kaizuautoworks.html